Skip to content

เมื่อการกินคือความสุขแล้วกินอย่างไรไม่ให้อ้วน

เมื่อการกินคือความสุขแล้วกินอย่างไรไม่ให้อ้วน

ถ้าพูดถึงเรื่องความสุข คนเรานั้นก็มีความสุขกันหลายอย่างไม่ว่าจะเรื่องเที่ยว เรื่องนอน หรือการดูหนังดูละคร แต่ความสุขที่มาหาเราได้มากที่สุดระหว่างวันนั้นคือเรื่องของการกิน เพราะเรามีเวลาในการกินได้ถึง 3 มื้อเป็นขั้นต่ำต่อวัน ไม่ว่าเราจะเลือกกินเวลาไหนเราก็มีความสุขกับมันได้ แล้วการกินก็จะทำให้เราอ้วน แต่ก็มีคนบอกว่ากินหลายๆ มื้อต่อวันก็ไม่ทำให้อ้วนได้ แล้วมันคือแบบไหน ต้องกินแบบไหนถึงจะไม่ทำให้อ้วน
คนที่ใช้พลังงานหนักทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานด้านร่างกายหรือสมองก็ต้องอยากที่จะได้กินของอร่อยให้มากที่สุด ถ้าเรามีของกินอร่อยตลอดทั้งวัน เชื่อได้เลยว่าทำงานได้อย่างมีความสุขแน่นอนแต่บางคนก็มีการเผาผลาญที่ไม่เหมือนกัน ถ้าเราเปรียบเทียบตัวเรากับนักกินก็จะพบว่าเราแค่กินไม่ถึงครึ่งของนักกินจุ แต่ทำไมถึงได้อ้วนมากมายขนาดนี้น่าแปลกเสียจริงๆ ก็เพราะว่าระบบการเผาผลาญในร่างกายเราต่างกัน เลยทำให้การใช้งานของพลังงานที่เราได้กินเข้าไปนำออกมาใช้งานต่างกัน หรือบางคนที่ทำงานไม่เยอะแต่ชอบคิดว่าตนเองนั้นทำงานเยอะเกือบจะไม่ได้ขยับตัวเลย ก็คิดว่าร่างกายต้องการพลังงานอย่างมากแต่จะว่าไปแล้วเราคิดไปเองต่างหากความเป็นจริงเราไม่ได้ต้องการอะไรมากมายขนาดนั้น แต่ด้วยปากและใจของเราต่างหากที่ต้องการไม่มีหยุด
แต่สำหรับคนที่ชอบการกินเป็นชีวิตจิตใจ และก็มีความสุขกับการกิน ก็ห้ามไม่ได้ที่จะต้องมีของกินอยู่เสมอต้องมีของกินติดไว้ตลอดแต่ถ้าเราเลือกของกินไว้สักหน่อย ก็ไม่ทำให้เราอ้วนได้เช่นกัน ตกเย็นเลิกงานก็ออกกำลังกายสักนิดแค่นี้ก็มีความสุขกับการกินได้อย่างสบายไม่ต้องผอมเป็นผีเสียบไม้แต่ก็ไม่อ้วนจนทำอะไรก็รู้สึกอึดอัดไปหมด สมัยนี้คนอวบถือว่าน่ารักที่สุด และ สิ่งที่ควรงดนั้นก็รู้กันดีอยู่แล้ว จำพวก แป้ง น้ำตาล แต่อยากจะมาแนะนำอาหารแก้หิวแถมอร่อยระหว่างวันที่เราหิวกินได้บ่อยอร่อยไม่เบื่อ
3 ของกินที่อร่อยได้ทุกที่ แถมด้วยไม่ทำให้อ้วน
1.เนื้อ
มีคนเคยพูดกันเล่นๆว่า ช้าง ม้า วัว ควย กินแต่หญ้ายังอ้วนเลย แต่เสือ สิง กินแต่เนื้อเลยไม่อ้วน พอลองมาพิจารณาดูดีๆ ก็จะพบว่าเนื้อนั้นให้โปรตีนเป็นหลัก ซึ่งนั้นก็คือการทำให้อ้วนช้า หลายคนที่เป็นคอหมูกระทะก็จะรู้ดี เน้นการกินเนื้อแดงมากกว่าการไปกินของหวาน และหลายคนที่เป็นนักกิน ก็ไม่กลัวกลายกินเนื้อแต่อย่างใดแต่จะกลัวการกินแป้ง กินข้าวเสียมากกว่า ถ้าเราจะเอาเนื้อมากินระหว่างที่หิว ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นหมูกระทะแต่อย่างใด แต่อาจจะเป็นเนื้อแห้งแดดเดียว หรือเนื้อทุบ อะไรแบบนี้ก็ได้ มีรสชาติที่อร่อย เชื่อได้เลยว่าทุกคนชอบที่จะกินแบบนี้กันทั้งนั้น
2.ผลไม้รสจืด
ผลไม้มีหลายประเภทจะบอกว่าให้กินผลไม้แล้วผอม คนเราก็ซื่อกินแต่ทุเรียนที่เป็นผลไม้ แล้วก็บอกว่าไม่ผอม แบบนั้นก็ซื้อเกินไป ควรต้องเลือกกินผลไม้ที่มีรสจืดหวานเพียงเล็กน้อย หรือผลไม้ที่มีน้ำเป็นหลักการ เช่น ส้ม แตงโม ฝรั่ง ผลไม้เหล่านี้ให้กากใยที่สูงและทำให้อยู่ท้องได้ด้วย เพราะถ้าเราหิวแล้วก็ไปกินแซนวิส หรือขนมปัง เชื่อได้เลยว่าเราจะเริ่มบ่นว่าจุกเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงเราก็จะได้กินข้าวกินอาหารมื้อถัดไปแล้ว ต้องเป็นผลไม้ดีที่สุด แถมดูเป็นคนรักสุขภาพขึ้นมาทันทีด้วย
3.น้ำมี่มีกลิ่นของผลไม้
น้ำเปล่าเราอาจจะเบื่อที่จะต้องกินวันละหลายๆ แก้ว แต่ถ้าเรามีการแต่งกลิ่นเติมสีธรรมชาติเข้าไป ก็จะทำให้มีความรู้สึกสดชื่นขึ้น แค่นึกง่ายๆ ตอนที่เราไปกินข้าวราดแกงหรือกินก๋วยเตี๋ยวที่ทางร้านเขาจัดบริการน้ำต้มใบเตยไว้ให้ เราจะรู้สึกถึงความสดชื่นมาทันที จิบแรกนั้นไม่พอ จะมีจิบที่สอง สาม สี่ ถัดมา แถมด้วยตอนที่เราได้กินข้าวเสร็จแล้วได้ดื่มน้ำต้มใบเตยหอมๆ เข้าไปด้วย ก็เหมือนเราได้กินขนมหวานปิดท้าย อิ่มแบบไม่ต้องพึ่งของหวานแต่อย่างใด เราอาจจะทำน้ำสมุนไพรมาดื่มแบบสลับวันกันไปเรื่อยๆ ก็ได้จะได้ไม่เบื่อ แถมมีประโยชน์ต่อร่างกายสูงอีกด้วย
สำหรับการลดความอ้วน อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว เมื่อมีคนทำได้เราก็ต้องทำได้แต่ก็ต้องอยู่บนความสุขของเราที่จะทำได้ด้วยเหมือนกัน หลายคนไม่ได้ตั้งใจที่จะลดความอ้วนแบบจริงจังแต่ก็ลดปริมาณอาหารลงทุกมื้อ ขยับกินวันละหลายมื้อหน่อย แล้วก็ลดปริมาณกินทุกมื้อลง เท่ากับว่าเรามีความสุขกับการกินได้อย่างไม่มีวันหมด อย่าเอาความสุขไปแลกกับสิ่งที่ทำให้เราทุกข์เลย ถ้าอันไหนที่เราทำแล้วมีความสุขอยู่แล้วก็ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนความสุขนั้นเพื่อสุขภาพไปด้วย เชื่อได้เลยว่าทำได้ไม่ยากแถมด้วยจะมีประโยชน์ต่อเราและคนรอบตัวอีกด้วย